blog image

    คำนวณราคาศุลกากร (CIF) ก่อนนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

    3 กรกฎาคม 2568

    การนำเข้าหรือสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ง่าย และพบเห็นได้บ่อยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆที่ล้ำสมัย ทำให้การสื่อสารต่างๆเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็ว แต่ยังมีอีกหลายๆปัญหาที่ทำให้การตัดสินใจที่จะนำเข้าหรือสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศต้องหยุดลง หนึ่งในนั้นคือเรื่องของภาษีนำเข้าสินค้าที่จะต้องชำระหลังจากนำเข้าสิ่งต่างๆจากต่างประเทศ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ศุลกากรในการประเมินราคาศุลกากรเบื้องต้นสำหรับคำนวณภาษีต่างๆ ซึ่งราคาศุลกากรคืออะไร เจ้าหน้าที่มีวิธีในการกำหนดราคาศุลกากรอย่างไร รวมถึงเราเองสามารถคำนวณราคาศุลกากรเบื้องต้นได้อย่างไร ติดตามสาระน่ารู้ต่างๆได้ในบทความนี้เลย

    ราคาศุลกากร คือ ราคาที่ถูกกำหนดเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษีอากร ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายศุลกากร กฎกระทรวงฉบับที่ 132 (พ.ศ.2543) และกฎกระทรวงอื่นๆ ได้กำหนดไว้ โดยเอกสารที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่ ใบแจ้งรับสินค้า หลักฐานการสั่งซื้อ (Invoice) และเรียกโดยใช้อักษรย่อ CIF

    C ย่อมาจาก COST คือ ต้นทุนของราคาสินค้า I ย่อมาจาก INSURANCE คือ ค่าประกันภัยสินค้า F ย่อมาจาก FREIGHT คือ ค่าขนส่งสินค้า

    วิธีการกำหนดราคาศุลกากรทำได้อย่างไร

    ในปัจจุบันการกำหนดต้นทุนเพื่อนำมาใช้คิดราคาศุลกากร หรือราคาสินค้าขาเข้าของประเทศไทย จะใช้ “ระบบราคาแกตต์ (GATT Valuation)” ขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) ซึ่งต้นทุนสำหรับราคาศุลกากรสามารถกำหนดได้จาก 6 วิธี ได้แก่

    วิธีที่ 1 กำหนดจากราคาซื้อขายสินค้าที่นำเข้า (Transaction value) ราคาซื้อขายที่ผู้ซื้อสินค้าได้ชำระจริง หรือที่ต้องชำระให้กับผู้ขายในต่างประเทศ สำหรับสินค้าที่นำเข้า ซึ่งมีการรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วย เช่น ค่าวัสดุเสริม ค่านายหน้า หรือค่าสิทธิ เป็นต้น

    วิธีที่ 2 กำหนดจากราคาซื้อขายสินค้าที่เหมือนกัน (Transaction value of Identical Goods) ราคาซื้อขายสินค้าที่มีลักษณะ “เหมือนกันทุกประการกับสินค้าที่นำเข้า” ทั้งทางกายภาพ คุณภาพ ชื่อเสียง และประเทศถิ่นฐานในการผลิตสินค้า และยังรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งค่าประกันภัย ค่าขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายในการจัดการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าจนกระทั่งถูกขนส่งมายังด่านศุลกากร

    วิธีที่ 3 กำหนดจากราคาซื้อขายของที่คล้ายกัน (Transaction value of Similar Goods) ราคาซื้อขายสินค้าที่มีลักษณะ “เหมือนกันบางประการกับสินค้าที่นำเข้า” หรือมีการใช้วัสดุที่เป็นส่วนประกอบชนิดเดียวกัน ประเทศถิ่นฐานในการผลิตสินค้าเช่นเดียวกัน และทำหน้าที่เหมือนกันหรือสามารถทดแทนกันได้ทางการค้า โดยจะมีการพิจารณาทางคุณภาพ ชื่อเสียง และเครื่องหมายการค้าอีกด้วย

    วิธีที่ 4 กำหนดจากราคาหักทอน (Deductive Value) ราคาที่กำหนดขึ้นจากราคาซื้อขายสินค้าที่นำเข้า หรือราคาซื้อขายสินค้าที่มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกันตามราคาขายในประเทศไทย ซึ่งมีการหักทอนค่าใช้จ่ายบางส่วนออก เช่น ค่าประกัน ค่าขนส่ง ค่านายหน้าหรือกำไร ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร ค่าภาษีอากรในประเทศไทย และมูลค่าเพิ่มของสินค้า

    วิธีที่ 5 กำหนดจากราคาคำนวณ (Computed Value) ราคาที่กำหนดขึ้นจากต้นทุนการผลิตสินค้าที่นำเข้า รวมกับ กำไร ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าประกันภัย ค่าขนส่งสินค้า รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆจากส่งออกสินค้ามายังประเทศไทย

    วิธีที่ 6 กำหนดจากราคาย้อนกลับ (Fall Back Value) ราคาที่กำหนดขึ้นจากหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขจากวิธีที่ 1-5 มาใช้โดยผ่อนปรนเพื่อการกำหนดราคาอย่างสมเหตุสมผลตามวิธีการกำหนดราคาศุลกากร

    ขั้นตอนคำนวณภาษีนำเข้าจากราคาศุลกากร

    คำนวณภาษีนำเข้า

    ขั้นตอนที่ 1 ต้นทุนราคาสินค้า + ค่าประกันภัยสินค้า + ค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ = ราคาศุลกากร (CIF) กรณีไม่มีค่าประกันภัย จะใช้ 1% ในการคำนวณ กรณีไม่มีการระบุค่าขนส่งสินค้า จะใช้ อัตราจากทางกรมศุลกากร ในการคำนวณ กรณีที่ 1 หากราคาของศุลกากรคำนวนออกมาไม่เกิน 1,500 บาท และเป็นไปตามข้อบังคับที่กรมศุลกากรกำหนด จะไม่ต้องเสียภาษีในการนำเข้า กรณีที่ 2 หากราคาของศุลกากรคำนวนออกมาเกิน 1,500 บาท จะต้องมีการชำระค่าภาษีอากร โดยคำนวณตามขั้นตอนถัดไป คำนวณภาษีนำเข้า

    ขั้นตอนที่ 2 ราคาศุลกากร (CIF) x อัตราภาษีขาเข้า = อากรขาเข้า คำนวณภาษีนำเข้า

    ขั้นตอนที่ 3 (ราคาศุลกากร (CIF) + อากรขาเข้า) x อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คำนวณภาษีนำเข้า

    ขั้นตอนที่ 4 อากรขาเข้า + ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) = ภาษีอากรนำเข้า (ค่าภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระ)

    การคำนวณราคาศุลกากรเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากอย่างที่คิด ทั้งพ่อค้าแม่ค้า และผู้ใช้รายย่อยที่มีแพลนนำเข้าสินค้าต่างๆ สามารถนำไปประเมินภาษีนำเข้าต่างๆเพื่อพิจารณาเบื้องต้นได้อีกด้วย ซึ่งสินค้าดีๆมีมากมายจากหลากหลายที่ ซึ่งเรื่องระยะทางและการขนส่งต่างๆไม่ใช่ปัญหา หากมีผู้ช่วยที่ดีคอยให้คำปรึกษาเรื่องการขนส่งสินค้า ทั้งเรื่องการส่งออก-นำเข้า การบรรจุสินค้า การจัดเตียมเอกสาร และการเดินพิธีการต่างๆ CPLINTER ยินดีเป็นผู้ช่วยของทุกท่าน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ CPL โทร 091-519-4426 เพื่อให้การส่งของท่านเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถนำรายละเอียดสินค้าที่ต้องการจะส่งมาให้เราช่วยตรวจสอบก่อนได้ที่ Line @cplinter หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cplinter.com ได้เลยค่ะ ฝากติดตามสาระน่ารู้จากรายการของเรา CPL What is ด้วยนะคะ"

    บทความอื่น ๆ