blog image

    มาทำความรู้จักกับ Shipping Marks กันเถอะ

    1 กรกฎาคม 2568

    ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศนั้น เพื่อให้กระบวนการขนส่งจากประเทศต้นทางไปยังประเทศปลายทางเป็นไปอย่างราบรื่น และป้องกันการผิดพลาด รวมไปถึงความปลอดภัยของสินค้าที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการขนส่ง แต่ละบรรจุภัณฑ์ หรือหีบห่อของสินค้าจึงจำเป็นต้องทำShipping Marks หรือเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อให้ถูกต้องและครบถ้วน CPLINTER จึงนำข้อมูลสาระน่ารู้ในเรื่องของ Shipping Marks คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรในกระบวนการขนส่งสินค้ามาฝาก

    Shipping Marks คืออะไร ?

    Shipping Marks (เครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อ) คือ ข้อความ สัญลักษณ์ หรือตัวเลข ที่ระบุไว้บนแต่ละหีบห่อของสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้านั้นเป็นของตรงตามใบตราส่งสินค้าที่มีข้อความถูกต้องและครบถ้วน อีกทั้งเพื่อให้ขั้นตอนการขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว มีปลอดภัยในระหว่างการขนส่ง ซึ่งเป็นการทำให้ทั้งสองฝ่ายระหว่างต้นทางและปลายทางเข้าใจกันง่ายขึ้น และต้องนำไประบุไว้ในเอกสารนำเข้า-ส่งออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น commercial invoice, packing list และ AWB หรือB/L ซึ่ง Shipping Mark ได้มีข้อกำหนดใน พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 211 ว่า “ผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออกผู้ใด ไม่มีเครื่องหมายหรือเลขหมายกำกับหีบห่อหรือภาชนะบรรจุของ หรือไม่แสดงเครื่องหมายหรือเลขหมายไว้ในเอกสารที่เกี่ยวกับของ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท”

    หลักเกณฑ์เกี่ยวกับ Shipping Marks

    กรณีเป็นสินค้าทั่วไป ต้องสำแดงเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อ ให้ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งจะต้องตรงกับใบตราส่งสินค้า -ถ้าเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อเป็นข้อความ ให้บันทึกเป็นข้อความตามจริง และหากมีความยาวเกิน 512 ตัวอักษร ให้บันทึกเพียง 512 ตัวอักษรได้ -ถ้าเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อเป็นข้อความที่เป็นภาษาต่างประเทศ จะไม่สามารถบันทึกข้อความนั้นได้ เช่น ภาษาจีน ให้ระบุคำว่า “PICTURE” -ถ้าเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อเป็นรูปภาพ ให้ระบุคำว่า “PICTURE”

    กรณีเป็นสินค้าผ่อนผัน ไม่ต้องสำแดง Shipping Marks แต่ให้ระบุในใบขนสินค้าขาเข้าว่า “ NO SHIPPING MARK ” -หีบห่อของใช้ส่วนตัว ประเภทที่ 5 เช่น เสื้อผ้า หนังสือ รองเท้า -หีบห่อของที่ได้รับเอกสิทธิ์ตามสัญญานานาประเทศ -ของที่ไม่ได้บรรจุหีบห่อ เช่น รถยนต์ ยางรถยนต์ รางรถไฟ โลหะแท่ง กระดาษหนังสือพิมพ์เป็นม้วน -ของเหลวในขวดใหญ่และมีวัตถุถักหุ้มขวด เช่น น้ำกรด -ของที่มาเป็นกอง เช่น ถ่านหิน -ของที่บรรจุหีบห่อเดียว -ของที่บรรจุในหีบห่อที่ได้มาตรฐาน เช่น ลังไม้ หรือลังกระดาษที่มีขนาดกว้างยาวเท่ากัน ของที่บรรจุมีจำนวนเท่ากัน เช่น นมสด สุรา เบียร์ อาหารปนแป้ง วิทยุ -ของที่มาเป็นถังเหล็กหรือถังไฟเบอร์ ที่มีขนาด น้ำหนัก และจำนวน เช่น จุกขวด น้ำยาดับกลิ่น น้ำมันเครื่อง สีทา -ของที่บรรจุมาในถุงกระดาษหรือกระสอบ ที่มีขนาด น้ำหนัก และจำนวนของที่บรรจุเท่ากัน เช่น ปุ๋ย แอมโมเนีย แป้ ง ข้าวสาลี หิน กากเพชร น้ำตาล -ของที่บรรจุมาในหีบโปร่ง เช่น เครื่องยนต์

    ข้อความที่ควรระบุใน Shipping Marks

    1. ชื่อผู้ส่งออก เช่น ABC CO., LTD.
    2. ยี่ห้อสินค้า เช่น Brand…
    3. รายละเอียดสินค้า เช่น Machine for Motorcycle, PP mat
    4. ชนิด ขนาด น้ำหนัก เช่น Carton , Pallet , Weight ให้ระบุลำดับหีบห่อและจำนวนหีบห่อทั้งหมดให้ชัดเจน เช่น กล่องที่ 1-10 เพื่อความสะดวกและความถูกต้องในการตรวจนับสินค้า
    5. ประเทศผู้ผลิต เช่น Made in Thailand

    ข้อควรระวังของการทำ Shipping mark

    1. ห้ามเขียนด้วยลายมือลงในShipping Marks ควรพิมพ์ใส่กระดาษสีขาวหรือสติกเกอร์ แล้วแปะไว้ข้างใดข้างหนึ่งของบรรจุภัณฑ์สินค้า
    2. ควรระบุประเทศต้นทางทุกครั้ง เพื่อความสะดวกในการสั่งปล่อยสินค้า และในกรณีที่สินค้ามีการขอลดหน่อยภาษี เช่น From A, From E
    3. ควรใส่เครื่องหมายสากลหน้ากล่อง เพื่อความสะดวก ปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายสินค้า

    สรุปแล้ว จะเห็นได้ว่าการทำShipping Marks หรือการทำเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เพราะถ้าหากสินค้าของเราเกิดความเสียหาย หรือมีข้อมูลไม่ถูกต้องก็สามารถใช้เอกสารหรือใบแปะหน้าบรรจุภัณฑ์นี้ร้องขอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยให้การขนส่งสินค้าเกิดความสะดวก รวดเร็วอีกด้วย

    ดังนั้นหากต้องการนำเข้าส่งออก CPLINTER ให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรในราคาที่เหมาะสม พร้อมบริการอื่นๆอีกมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นบริการแพ็คสินค้า เตรียมเอกสารสำหรับส่งออก เดินพิธีการขาเข้าและขาออก สนใจส่งออก-นำเข้าสินค้า ติดต่อสอบถามซีพีแอล โทร 091-519-4426 หรือ 02-519-4426 เพื่อให้การส่งของท่านเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถนำรายละเอียดสินค้าที่ต้องการจะส่งมาให้เราช่วยตรวจสอบก่อนได้ที่ Line @cplinter

    สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cplinter.com

    บทความอื่น ๆ